ตั้งแต่สมัยก่อนมีความเชื่อว่าขนหางช้างนั้นเป็นหนึ่งในวัตถุมงคลที่มีอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวเองสามารถป้องกันคุณไสยและอาถรรพ์ต่างๆได้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผ่านการปลุกเสกก็ตาม กลุ่มคนที่เล่นวัตถุมงคลจึงนิยมนำขนหางช้างมาทำเป็นเครื่องรางพกติดตัว เช่น นำขนหางช้าง ไปเข้าพิธีปลุกเสกต่างๆ แล้วนำมาให้ช่างทองทำเป็น แหวนหางช้างทองคำแท้ให้ หรือ เป็นกำไล หรือ ไม่ก็นำไปเลี่ยมเพื่อใส่ห้อยคอ (แต่ส่วนมากจะนิยมทำเป็นแหวนมากกว่า) โดยส่วนมากแล้วการทำแหวนหางช้างจะมีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือ
1. จะนำมาขนหางมาขดเป็นวงกลมแล้วให้ช่างทองทำการหุ้มทองหรือเลี่ยมทองเป็นแหวนไปเลย โดยจะต้องเปิดเนื้อแหวนบางส่วนให้คงเห็นหางช้างอยู่
2. จะนำขนหางมาถักสลับไขว้กันไปมาเป็นล็กษณะคล้ายกับแหวนพิรอดหรือแหวนตะกร้อแล้วจึงนำไปสวมใส่เลยหรือจะนำไปเลี่ยมทองก่อนก็แล้วแต่ความต้องการเลย
หากลองหาซื้อขนหางช้างตามตู้พระหรือท้องตลาดดูจะสังเกตได้ว่าจะเจอว่า ขนหางช้าง นั้นจะมี 3 สีหลักๆ ซึ่งก็คือ สีดำ สีออกน้ำตาล และ สีขาว โดยสีขาวนั้นจะเรียกว่าขนหางช้างเผือกซึ่งมีความเชื่อว่าจะอิทธิฤทธิ์มากกว่าขนสีดำ นอกจากนี้ในสมัยก่อนนั้นควาญช้างมักจะรอจะขนนั้นหลุดร่วงออกจากหางช้างเองก่อนจึงจะเก็บมาทำเป็นเครื่องรางเพราะเชื่อว่าจะมีความขลังมากกว่าการไปตัดออกมาเอง แต่ในปัจจุบันนี้ด้วยความที่เริ่มมีความนิยมและเป็นพานิชย์มากขึ้นปางช้างต่างๆจึงนิยมตัดเองเพื่อนำมาขายให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมเพื่อเพิ่มรายได้
นอกจากชาวไทยแล้ว ประเทศเพื่อบ้าน เขมร เวียดนาม พม่า สิงค์โปร และ จีน ก็มีคนบางส่วนที่ให้ความสนใจกับแหวนหางช้างเช่นกัน อันเนื่องมาจากชื่อเสียงถึงความขลัง โดยเค้าเชื่อกันว่า แหวนหางช้างนั้นจะช่วยคุ้มครองผู้สวมใส่จากมนต์ดำลมเพลมพัดและสัตว์ร้ายต่างๆ เนื่องจากช้างนั้นถือว่าเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในป่าและไม่มีสัตว์ร้ายใดๆกล้าเข้าใกล้ พรานป่าจึงนิยมสวมใส่เมื่อต้องเข้าป่าเพื่อปกป้องตนจากสัตว์แมลงพิษต่างๆและผีป่า นอกจากนี้แหวนหางช้างยังจะช่วยเสริมในเรื่องของอำนาจบารมีเหมาะสำหรับคนที่มีตำแหน่งงานเป็นหัวหน้าและต้องคุมลูกน้องให้อยู่มัดนั้นเอง
นอกจากหางช้างและในส่วนของงาก็นิยมนำมาทำเป็น แหวนงาช้าง เหมือนกันซึ่งก็จะมีพลังอำนาจคล้ายคลึงกัน แต่มีข้อแม้อยู่ว่า งาช้างนั้นจะต้องได้มาจากช้างที่ตายตามธรรมชาติเท่านั้น หากเป็นการไปสังหารเพื่อเอางามาละก็จะถือว่าไม่มีความมงคลแถมผู้ครอบครองยังถือว่าผิดกฏหมายอีกด้วย